1.
ภาพราสเตอร์ (Raster )
หรือเรียกว่าภาพแบบ Bitmap ก็ได้ เป็นภาพที่เกิดจากการเรียงตัวกันของจุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลากหลายสี
ซึ่งเรียกจุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นี้ว่าพิกเซล (pixels)
ถ้า กำหนดจำนวนพิกเซลให้กับภาพน้อย เวลาขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น
จะมองเห็นภาพเป็นจุดสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือถ้ากำหนดจำนวนพิกเซลให้กับภาพมาก
ก็จะทำให้แฟ้มภาพมีขนาดใหญ่ ดังนั้นการกำหนดจำนวนพิกเซลต้องให้เหมาะกับงานที่จะสร้าง
ตัวอย่าง
- ภาพใช้งานทั่ว ๆไป ให้กำหนดพิกเซล ประมาณ 100-150 Pixel
- ภาพที่ใช้บนเว็บไซต์ ให้กำหนดพิกเซล ประมาณ 72 Pixel
- ถ้าเป็นภาพแบบงานพิมพ์ เช่น นิตยสาร
โปสเตอร์ขนาดใหญ่
จะกำหนดพิกเซลประมาณ 300-350 Pixel
ข้อดีของภาพชนิด
Raster
- สามารถแก้ไขปรับแต่งได้
- ตกแต่งภาพได้ง่ายและสวยงาม
2.
ภาพแบบ Vector
เป็น
ภาพที่เกิดจากการอ้างอิงความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ หรือการคำนวณ
ซึ่งภาพจะมีความเป็นอิสระต่อกัน โดยแยกชิ้นส่วนของภาพทั้งหมดออกเป็นเส้นตรง
เส้นโค้ง รูปทรง เมื่อมีการขยายภาพความละเอียดของภาพไม่ลดลง
แฟ้มภาพมีขนาดเล็กกว่าภาพแบบ Raster
ข้อดีของภาพชนิด Vector
- นิยมนำไปใช้ในด้านสถาปัตย์ตกแต่งภายในและการออกแบบต่าง ๆ เช่น
การออกแบบอาคาร การออกแบบรถยนต์ การสร้างโลโก้ การสร้างการ์ตูน
โปรแกรมที่นิยมนำมาสร้างภาพแบบ Vector
- โปรแกรม Illustrator
- CorelDraw
- AutoCAD
- 3Ds max ฯลฯ
นามสกุลที่ใช้เก็บภาพแบบ Vector
1.
กราฟิกแบบบิตแมป
กราฟิกแบบบิตแมปความหมายที่ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา
คือ มีลักษณะเป็นช่องๆเหมือนตาราง แต่ละบิตก็คือส่วนหนึ่งของข้อมูลคอมพิวเตอร์ (ซึ่งก็คือสวิตซ์ปิดเปิดในหน่วยความจำ
"1" หมายถึงเปิด และ "0" หมายถึงปิด)และสวิตซ์ปิดเปิดนี้ก็ยังหมายถึงสีดำและสีขาวอีกด้วย
ดังนั้นถ้าเราเอาบิตที่แตกต่างกันในแต่ละตารางมารวมกันเข้าเราจะสามารถสร้างภาพจากจุดดำและขาวเหล่านี้ได้กราฟิกแบบบิตแมปทุกชนิดมีลักษณะที่เหมือนกันอยู่บางประการถ้าทำความเข้าใจส่วนต่างๆ
เหล่านี้เราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
2.
กราฟิกแบบเวกเตอร์
กราฟิกแบบเวกเตอร์ต่างจากบิตแมปตรงที่บิตแมปนั้นประกอบไปด้วย
จุดต่างๆ มากมายแต่กราฟิกแบบเวกเตอร์ใช้สมการทางคณิตศาสตร์เป็นตัวสร้างภาพ เช่น
วงกลมหรือเส้นตรง
เป็นต้นถึงแม้ว่าอาจจะฟังดูซับซ้อนสักเล็กน้อยแต่ภาพบางชนิดก็ถูกสร้างได้ง่ายหลักที่จะนำไปสู่กราฟิกแบบเวกเตอร์ก็คือการรวมเอาคำสั่งทางคอมพิวเตอร์และสูตรทางคณิตศาสตร์เพื่ออธิบายเกี่ยวกับออบเจ็กต์
ซึ่งจะปล่อยให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เช่น
จอภาพหรือเครื่องพิมพ์เป็นตัวกำหนดเองว่าจะวางจุดจริงๆไว้ที่ตำแหน่งใดในการสร้างภาพคุณลักษณะเด่นเหล่านี้ทำให้กราฟิกแบบเวกเตอร์มีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบมากมายกับกราฟิกแบบบิตแมป
การสร้างงานกราฟิกส์
การสร้างภาพกราฟิกส์ด้วยคอมพิวเตอร์
มีวิธีการสร้าง 2 แบบคือ
v แบบ Bitmap (Raster)
v แบบ Vector (Stroked)
กราฟิกส์แบบ Bitmap
•
เกิดจากจุดสีที่เรียกว่า
pixels
•
ประกอบกันเปนรูปรางบนพื้นที่ที่มีลักษณะเปนเสนตาราง
•
มีคาของตําแหนง และคาสีของตัวเอง
•
เหมาะสมตอการแสดงภาพที่มีเฉด และสีสันจํานวนมาก
•
เชนภาพถาย หรือ ภาพวาด
theme-F�:a�
��
mso-hansi-theme-font:
major-bidi;mso-bidi-theme-font:major-bidi'>าของตําแหน
ง และคาสีของตัวเอง
•
เหมาะสมตอการแสดงภาพที่มีเฉด
และสีสันจํานวนมาก
•
เชนภาพถาย
หรือ ภาพวาด
• กราฟิกส์แบบ
vector
กราฟิกแบบเวกเตอร์ต่างจากบิตแมปตรงที่บิตแมปนั้นประกอบไปด้วยจุดต่างๆ
มากมาย แต่กราฟิกแบบเวกเตอร์ใช้สมการทางคณิตศาสตร์เป็นตัวสร้างภาพเช่น วงกลม
หรือเส้นตรง
เป็นต้นถึงแม้ว่าอาจจะฟังดูซับซ้อนสักเล็กน้อยแต่ภาพบางชนิดก็ถูกสร้างได้ง่ายหลักที่จะนำไปสู่กราฟิกแบบเวกเตอร์ก็คือการรวมเอาคำสั่งทางคอมพิวเตอร์และสูตรทางคณิตศาสตร์เพื่ออธิบายเกี่ยวกับออบเจ็กต์ซึ่งจะปล่อยให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เช่น
จอภาพหรือเครื่องพิมพ์เป็นตัวกำหนดเองว่าจะวางจุดจริงๆไว้ที่ตำแหน่งใดในการสร้างภาพคุณลักษณะเด่นเหล่านี้ทำให้กราฟิกแบบเวกเตอร์มีข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบมากมายกับกราฟิกแบบบิตแมป
สรุปประเภทของกราฟฟิก
กราฟิกส์แบบ
Bitmap
กราฟิกแบบบิตแมปความหมายที่ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา
คือ มีลักษณะเป็นช่องๆเหมือนตาราง แต่ละบิตก็คือส่วนหนึ่งของข้อมูลคอมพิวเตอร์ (ซึ่งก็คือสวิตซ์ปิดเปิดในหน่วยความจำ
"1" หมายถึงเปิด และ "0" หมายถึงปิด)และสวิตซ์ปิดเปิดนี้ก็ยังหมายถึงสีดำและสีขาวอีกด้วย
ดังนั้นถ้าเราเอาบิตที่แตกต่างกันในแต่ละตารางมารวมกันเข้าเราจะสามารถสร้างภาพจากจุดดำและขาวเหล่านี้ได้
กราฟิกส์แบบ
vector
กราฟิกแบบเวกเตอร์ต่างจากบิตแมปตรงที่บิตแมปนั้นประกอบไปด้วย
จุดต่างๆ มากมายแต่กราฟิกแบบเวกเตอร์ใช้สมการทางคณิตศาสตร์เป็นตัวสร้างภาพ เช่น
วงกลมหรือเส้นตรง เป็นต้นถึงแม้ว่าอาจจะฟังดูซับซ้อนสักเล็กน้อยแต่ภาพบางชนิดก็ถูกสร้างได้ง่ายหลักที่จะนำไปสู่กราฟิกแบบเวกเตอร์ก็คือการรวมเอาคำสั่งทางคอมพิวเตอร์และสูตรทางคณิตศาสตร์เพื่ออธิบายเกี่ยวกับออบเจ็กต์
ซึ่งจะปล่อยให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เช่น จอภาพหรือเครื่องพิมพ์เป็นตัวกำหนดเองว่าจะวางจุดจริงๆไว้